สโมสร ลิเวอร์พูล
ประวัติความเป็นมา
ประวัติชุดแข่งลิเวอร์พูล
ชุดแข่งสีแดงของลิเวอร์พูลนั้นโด่งดังระดับโลก แต่อย่างไรก็ตาม มีช่วงเวลาหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สีแดงนั้นไม่ได้ใช้เป็นสีของชุดแข่ง นับประสาอะไรกับชุดแข่งสีแดงทั้งตัวอย่างปัจจุบัน
ทีมลิเวอร์พูลสวมชุดแข่งสีน้ำเงิน และขาวในการลงเล่นแรกๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดทีมมาเป็นเสื้อสีแดง กางเกงสีขาว และใช้ชุดนั้นมาจนถึงเดือนพฤศจิกายนปี 1964 เมื่อบิลล์ แชงค์ลีย์ ตัดสินใจส่งทีมลิเวอร์พูลลงแข่งกับอันเดอร์เลชต์ พร้อมกับสวมชุดแข่งสีแดงทั้งชุดเป็นครั้งแรก
"เกมกับอันเดอร์เลชต์ที่แอนฟิลด์ถือเป็นค่ำคืนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์" แชงค์ลีย์กล่าว "พวกเราใส่ชุดสีแดงเป็นครั้งแรก นักเตะเราต่างดูเหมือนคนยักษ์ และเราก็เล่นได้เหมือนคนยักษ์ด้วย"
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชุดสีแดงจึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแบบลิเวอร์พูล และได้กลายเป็นส่วนสำคัญของประเพณี ที่ได้ยืนหยัดเคียงข้างมนต์ของสแตนด์เดอะค็อปและสังเวียนแอนฟิลด์
เราได้เก็บเกี่ยวแชมป์ลีกมากมาย คว้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นครั้งแรก รวมทั้งชนะศึกแห่งทวีปยุโรปถึง 5 สมัย ซึ่งทุกครั้ง นักเตะลิเวอร์พูลล้วนสวมชุดสีแดง
แต่นั่นอาจไม่ได้หมายความทั้งหมด อย่างเช่นตัวอย่างชุดแข่งทั้ง 48 แบบ ที่เราได้นำมาแสดงด้านล่างนี้
ฮิลล์สโบโรห์
เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 แฟนลิเวอร์พูลจำนวน 24,000 คน เดินทางไปชมเกมฟุตบอล แต่ 96 ชีวิตไม่ได้เดินทางกลับมา
เขาเหล่านั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ 'The 96' แต่สำหรับครอบครัวและเพื่อนๆ ที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาเหล่านั้นเป็นทั้งพ่อ ลูกชาย พี่ชาย น้องสาว หรืออาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้อง ป้า ลุง ปู่ หรือรวมทั้งแฟนหนุ่ม สามี เพื่อนคู่หู และเพื่อนสนิท
และดั่งที่ภรรยาของแฟนบอลรายหนึ่งที่ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ได้กล่าวไว้ในจดหมายที่ต่อมาได้ถูกตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ทางการของสโมสรในวาระครบรอบ 20 ปี ของการสูญเสียนี้ว่า "สำหรับคนอื่นๆ ในโลกใบนี้ สามีของฉัน คือหนึ่งในผู้เสียชีวิต 96 คน แต่สำหรับฉันและลูกๆ เขาคือที่หนึ่งสำหรับเราเสมอ"
และสำหรับคนที่ไม่รู้จักพวกเขา เหล่าแฟนๆ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฮิลล์สโบโรห์ในวันนั้น อาจเป็นเพียงแค่รายชื่อที่สลักอยู่บนแผ่นหินอ่อนที่รำลึกถึงเหตุการณ์ฮิลล์สโบโรห์
ตั๋วชมเกมจำนวน 24,000 ใบ ประตูหมุน 23 ประตู และคอกชมเกมที่แออัด 2 คอก ผู้เสียชีวิต 96 ราย และบาดเจ็บ 766 ราย เพียงแค่จำนวนตัวเลขเหล่านี้ไม่สามารถบอกเล่าถึงเรื่องราวของหายนะนี้ได้แม้แต่ครึ่ง ซึ่งเรื่องราวนี้จะทำทำให้สโมสรลิเวอร์พูล และแฟนๆ ได้จดจำเรื่องราวนี้ตลอดไป
แต่บางที ตัวเลขที่สำคัญที่สุดในเรื่องราวน่าสะเทือนใจนี้ คือตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงอายุของเหยื่อแต่ละคนที่ระบุไว้ในอนุสรณ์รำลึก ซึ่งเหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 และแฟนๆ ที่สูญเสียชีวิตในวันนั้น จะไม่มีวันถูกลืมอย่างแน่นอน
หอเกียรติยศ
สโมสรลิเวอร์พูลคงไม่ได้เป็นอย่างในวันนี้หากไม่ได้ความทุ่มเทและแพชชั่นจากผู้เล่นทุกคนที่ล้วนได้สวมเสื้อสีแดงอันเป็นตำนาน และผู้จัดการทีมทุกท่านที่ได้ครอบครองที่นั่งริมสนามแอนฟิลด์ที่โด่งดังนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสำเร็จต่างๆ ของลิเวอร์พูลนั้นได้สร้างขึ้นจากทีมเวิร์คโดยเสมอมา แต่กระนั้นก็มีบุคคลมากมายที่ฉายความโดดเด่นกับสโมสรลิเวอร์พูลเช่นกัน
และนี่คือรายชื่อของ 15 คนแรกที่ได้ถูกบันทึกไว้ใน 'LFC International Hall of Fame'
ประวัติศาสตร์ตราสโมสรลิเวอร์พูล
นกไลเวอร์ เบิร์ด เป็นสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูลมาอย่างยาวนาน โดยได้นำสัญลักษณ์นี้มาจากตราทหารของเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งสโมสรได้นำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ในฐานะเหรียญแชมป์ลีกที่มอบให้กับนักเตะในปี 1901 หลังจากนั้นเป็นต้นมา สํญลักษณ์นี้ก็ได้ปรากฎบนธงที่ฉลองชัยชนะแชมป์ลีกในปี 1922 ซึ่งจากหน้าปกสมุดโปรแกรมจากปี 1935 และรูปจากยุค '1930 นี้แสดงให้เห็นว่านักเตะลิเวอร์พูลนั้นสวมเสื้อวอร์มโดยมีสัญลักษณ์นกไลเวอร์เบิร์ดปักอยู่บนอกเช่นเดียวกัน
นับเป็นเวลากว่าสองทศวรรษก่อนที่ไลเวอร์เบิร์ดจะปรากฎเป็นสัญลักษณ์อยู่บนเสื้อทีมเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1950 เมื่อสโมสรลิเวอร์พูลได้เข้าชิงเอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งแรกที่ได้แข่งขันที่เวมบลีย์ ซึ่งถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล และสัญลักษณ์ไลเวอร์เบิร์ดที่ยืนตระหง่านอยู่บนแท่น ล้อมกรอบด้วยโล่สีแดง และได้ถูกปักลงบนเสื้อชุดทีมเยือนสีขาวอย่างน่าภาคภูมิใจ
สำหรับเกมเยือนบางเกมเป็นเวลากว่า 5 ปี ทีมลิเวอร์พูลลงเล่นด้วยการสวมชุดแข่งที่ละม้ายคล้ายกับแบบที่ใส่ที่เวมบลีย์ จนกระทั่งถึงช่วงฤดูกาล 1955-56 สัญลักษณ์ไลเวอร์เบิร์ด ได้จับจองที่บนเสื้อแข่งแบบเหย้าเป็นครั้งแรกอย่างน่าภาคภูมิใจ โดยได้ถูกปรับรูปลักษณ์เหมือนได้เกิดใหม่เป็นไลเวอร์เบิร์ดสีแดง โดดเด่นบนพื้นสีขาวในกรอบรูปไข่ โดยที่ไลเวอร์เบิร์ดยังยืนตะหง่านอยู่บนแท่น แต่มีอักษรย่อสโมสรลิเวอร์พูล 'L.F.C' อยู่ข้างใต้
ตราสโมสรบนเสื้อไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ถึง 14 ปี ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนรูปปแบบของเสื้อแข่งตั้งแต่แบบเสื้อคอวีสู่เสื้อคอกลม รวมทั้งเสื้อในแบบลายทางสีแดงอันโด่งดังด้วย
กระนั้นก็ตาม มีข้อยกเว้นในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1965 กับทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เวมบลีย์ ซึ่งเป็นแมตช์ที่ไม่มีวันลืม เมื่อสัญลักษณ์ไลเวอร์เบิร์ด ได้ถูกปักลงบนเสื้อ แทนที่จะเป็นการเย็บตรา เฉกเช่นประตูของโรเจอร์ ฮันท์ และเซนต์ จอห์น ที่ปิดเกมพร้อมกับชัยชนะที่เป็นที่กล่าวขานที่สุดเกมหนึ่ง
ในปี 1969 ไลเวอร์เบิร์ด ได้ออกจากกรอบรูปไข่ และแท่น โดยที่ยืนหยัดอยู่บนเสื้อแบบเดี่ยวๆ เป็นครั้งแรก ดังที่จะเห็นได้จากรูปของแลร์รี ลอยด์ ซึ่งดีไซน์ที่เรียบง่ายนี้ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเกมเหย้านัดแรกของฤดูกาล โดยเอาชนะเชลซีไปได้ 4-1
เป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษที่สัญลักษณ์ไลเวอร์เบิร์ดเวอร์ชั่นนี้ได้อยู่คู่กับความสำเร็จของทีมลิเวอร์พูลทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่มีการเปลี่ยนแปลงเดียวที่เห็นได้ชัดคือความสำเร็จอันมากมายที่ถูกนำกลับมายังแอนฟิลด์นั้น ทำให้เปลี่ยนสีไลเวอร์เบิร์ดจากสีขาวเป็นสีเหลือง ก่อนเริ่มฤดูกาล 1976-77 และเปลี่ยนกลับมาใช้อีกครั้งในฤดูกาล 1985-85 ที่ได้ดับเบิลแชมป์
มีการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว สำหรับนัดชิงชนะเลิศถ้วยยูโรเปี้ยน เมื่อปี 1977 โดยที่ไลเวอร์เบิร์ดได้ถูกออกแบบให้ไปอยู่ในวงกลมที่มีรายละเอียดของเกมนัดนี้ปักล้อมรอบอยู่
ในฤดูร้อนของปี 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่แอนฟิลด์ โดยเอียน รัช ได้ย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส ส่วนจอห์น บาร์นส และปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ได้ถูกวางตัวให้มาทำหน้าที่แทน รวมทั้งตราสโมสรอย่างเป็นทางการได้ถูกใช้ในการบริการจัดการ และจุดประสงค์ในการค้าขายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มยุค '70 ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ปรากฎอยู่บนชุดแข่งเป็นครั้งแรก ซึ่งไลเวอร์เบิร์ดที่โด่งดังนี้ได้ถูกนำกลับเข้าไปใส่ในโล่ และตัดอักษรย่อ 'L.F.C' ที่อยู่ข้างใต้ออก
การเปลี่ยนแปลงต่อมาเกิดขึ้นเมื่อปี 1992 เพื่อเป็นเกียรติในการฉลองครบรอบ 100 ปี ของสโมสรลิเวอร์พูล โดยได้นำไลเวอร์เบิร์ดเข้ามาผสมผสานในดีไซน์ใหม่นี้
หลังจากนั้นก็มีการใช้ตราสโมสรฯ นี้เรื่อยมาจนกระทั่งฤดูร้อนปี 2012 สัญลักษณ์ของไลเวอร์เบิร์ดสีเหลือง ที่เป็นตัวแทนของความสำเร็จในช่วงปลาย '70 และต้น '80 ได้ถูกนำกลับมาบนอกเสื้อทีมลิเวอร์พูลอีกครั้ง ในเสื้อแข่งใหม่ของวอร์ริเออร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น